Japandi Style

 ‘Japandi’ ขึ้นมา ที่รวมเอาการแบบของ Japanese และ Scandinavian มารวมกันอย่างลงตัว โดย Japandi คือการผสมผสานระหว่างความเป็นเจ้าแห่งฟังก์ชั่นของ Scandi บวกกับรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายของ Japanese อย่างมินิมอลที่เรารู้จักกันนั่นแหละ จนเกิดเป็น Japandi ที่เน้นความเรียบง่าย เน้นวัสดุและพื้นผิวจากธรรมชาติ โทนสีสีอบอุ่น สว่าง และสบายตา 

อาจด้วยเพราะแนวคิดในการออกแบบบางอย่างและแนวคิดในการใช้ชีวิต ที่มีความใกล้เคียงกัน จนสามารถนำมาผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน จึงทำให้ Japandi เป็นเทรนด์ดีไซน์ที่ได้รับความนิยม แบบไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

แต่งบ้านแบบ Japandi ต้องมีอะไรบ้าง?

อยากจะพุ่งตัวไปอิเกีย เลือกสรรเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ แบบ Scandi เข้าแอปฯ ชอปปิ้งออนไลน์ หาของตกแต่งชิ้นเล็กแบบมินิมอล แต่ก็กลัวว่าหยิบสุ่มมาแล้วจะไม่เข้ากัน งั้นมาดูกันดีกว่าว่าถ้าอยากให้พื้นที่ของเราเป็น Japandi ต้องมีองค์ประกอบของอะไรบ้าง 

  • โทนสีที่อ้างอิงจากธรรมชาติ
    ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นกำแพงขาวโล่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อเรารับเอาสไตล์ Scandi มาด้วยแล้ว เราสามาหยิบเอาโทนสีจากธรรมชาติมาใช้ได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะพื้น ผนัง หรือแม้แต่สีของเฟอร์นิเจอร์ อย่างสีเขียวของใบไม้ สีน้ำตาล เบจ ของพื้นดิน หรืออะไรที่ออกจะเอิร์ธโทนอย่างที่เราคุ้นกันนั่นแหละ เพื่อไม่ให้บ้านของเราน่าเบื่อจนเกินไป การหยิบสีเหล่านี้มาจับคู่พื้นผนังกับเฟอร์นิเจอร์ ก็เป็นอีกโจทย์สนุกๆ เช่นกัน
  • พื้นผิวจากธรรมชาติ
    ทั้ง Scandi และ Japanese Minimalist ต่างหยิบความอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติของไม้มาใช้ นอกจากไม้แล้ว เรายังสามารถหยิบผิวสากๆ ของดิน หิน เปลือกไม้ มาใช้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะพื้น ผนัง ท็อปโต๊ะ เคาน์เตอร์ หรือแม้แต่พื้นผิวบนเฟอร์นิเจอร์ ที่สามารถโชว์ลวดลายธรรมชาติได้
    Houseplant
    หยิบเอาธรรมชาตินอกบ้านมาไว้ข้างในบ้านกับเราด้วย อย่างที่เราบอกไว้ข้างต้นว่า วิถีชีวิตของชาวสแกนดิเนเวียน มักจะยึดโยงอยู่กับธรรมชาติเสมอ ลองหยิบเอาต้นไม้มาใช้แทนของตกแต่งกระจุกกระจิก เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติ ความอบอุ่นให้กับบ้านมากขึ้น และยังช่วยลบเหลี่ยมมุมของห้องสี่เหลี่ยม ไม่ให้มันแข็งทื่อจนเกินไป
  • เส้นสายแบบ Simple
    หากไม่อยากให้บ้านจืดชืดจนเกินไป อยากจะเติมเฟอร์นิเจอร์ที่มีเส้นสาย หรือลวดลายอะไรลงบนหน้าต่าง ประตู ควรเลือกเป็นเส้นสายที่เรียบง่าย เส้นตรง เส้นโค้ง ที่ไม่พันกัน อย่างพวกเหล็กดัดที่เน้นลวดลาย เพราะมันให้ความรู้สึกยุ่งเหยิง และไม่เข้ากันกับดีไซน์อื่นๆ ในบ้าน เส้นสายที่ไปด้วยกันได้ ลองเป็นฉากกั้นไม้ไผ่ เก้าอี้หวาย หรือหมอนอิงลายทาง เป็นต้น
  • โอบรับแสงจากธรรมชาติ
    ไม่มีแสงไหนจะให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติได้เท่าแสงแดดอีกแล้ว และอาจเพราะหน้าหนาวที่ยาวนานของแถบสแกนดิเนเวียน พวกเขาจึงมักออกแบบบ้านให้มีหน้าต่างบานใหญ่ เพื่อโอบรับแสงแดดจากธรรมชาติมาคอยให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว มีหน้าต่างบานใหญ่ไว้คอยเพิ่มความโปร่ง โล่ง หากจะปรับให้เข้ากับบ้านเราก็ทำได้เช่นกัน แต่แดดบ้านเราไม่ได้ขาดแคลนแบบบ้านเขา คงจะต้องเป็นม่านสองชั้น และใช้ม่านโปรงกรองแสงอีกขั้นเพื่อป้องกันความร้อน